โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางใหญ่
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

 

ไข้หวัด ( Common cold ) 

    ไข้หวัดเป็นการติดเชื้อของจมูก และคอ บางครั้งเรียก upper respiratory tract infection URI เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งรวมเรียกว่า Coryza viruses ประกอบด้วย Rhino-viruses เป็นสำคัญ เชื้อชนิดอื่นๆมี Adenoviruses, Respiratory syncytial virus เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูก และคอจะทำให้เยื่อจมูกบวม และแดง มีการหลังของเมือกออกมาแม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์

    โรคหวัดเป็นที่พบบ่อยที่สุด ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ บางคนอาจเป็นปีละหลายครั้ง โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนในปีแรกๆ อาจเป็นเฉลี่ยประมาณเดือนละครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วทุกคนจะติดเชื้อหนึ่งครั้งต่อปี เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อหวัดชนิดต่างๆ มากขึ้น ก็จะป่วยเป็นไข้หวัดห่างขึ้นและมีอาการรุนแรงน้อยลง โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ง่ายดายการอยู่ใกล้ชิดกัน จึงพบมากในโรงเรียน โรงงาน และที่มีคนอยู่รวมกันมากๆ

         โรคหวัดเป็นโรคที่พบได้ตลอดทั้งปี มักจะพบมากในช่วงฤดูฝนฤดูหนาว หรือในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ส่วนฤดูร้อนจะน้อย ทั้งนี้เนื่องจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัด มีอยู่เกือบ 200 ชนิด ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจส่วนต้นครั้งละชนิด จึงไม่น่าแปลกอะไรที่จะทำให้คนป่วยเป็นโรคหวัดได้บ่อย ๆ ในหนึ่งปี

อาการ

        ผู้ใหญ่ มีอาการจาม และน้ำมูกไหลจะนำมาก่อน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักไม่ค่อยมีไข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย 2-3 ชั่วโมงและหมดใน 2 สัปดาห์ บางรายอาจมีอาการปวดหู เยื่อแก้วหูมีเลือดคั่ง บางรายเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์

        ในเด็กอาจจะรุนแรง และมักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบ ปอดบวมเป็นต้น 

 การติดต่อ

        โรคนี้มักจะระบาดฤดูหนาวเนื่องจากความชื้นต่ำและอากาศเย็น สามารถติดต่อจากน้ำลายและเสมหะผู้ป่วย นอกจากนั้นมือที่เปื้อนเชื้อโรคก็สามารถทำให้เกิดโรคได้โดยผ่านทางจมูกและตา ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนเกิดอาการและ 1-2 วันหลังเกิดอาการ ผู้ที่มีโอกาสเป็นไข้หวัดง่ายคือ เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปีเด็กที่ขาดอาหาร เด็กที่เลี้ยงในสถานเลี้ยงเด็ก

        การแพร่กระจายของเชื้อหวัด กล่าวโดยสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้
        1.ติดต่อทางการหายใจสูดเอาละอองเสมหะหรือน้ำมูกของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อยู่ แล้ว เนื่องจากพบเชื้อโรคชนิดนี้อยู่เป็นปริมาณในน้ำมูกหรือเสมหะ
        2.ติดต่อโดยการที่มือไปสัมผัสกับสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ร่วมกับบุคคลอื่น เครื่องใช้ในที่สาธารณะเช่น โดยเฉพาะถ้าสัมผัสกับลูกบิดประตู ราวโหนรถเมล์หรือราวบันได
        3.ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจจะมีคนที่ป่วยเป็นไข้หวัดอยู่แล้ว หลังจากการสัมผัสนั้น เราก็นำเชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยการที่มือมาสัมผัสกับจมูกหรือช่องปากของเรา เอง
        4.เชื้อกระจายเข้าสู่ร่างกายโดยที่มือที่ไปสัมผัสเชื้อ มาสัมผัสกับดวงตาของเรา ซึ่งเชื้อจะไหลลงไปกับน้ำตาลงสู่ท่อน้ำตา ที่จะเทลงสู่โพรงจมูกต่อไป ทำให้เชื้อเข้าไปในโพรงจมูกได้

การรักษา

        หลักการที่สำคัญคือการเริ่มให้การรักษาเร็วที่สุด ทันทีที่เริ่มมีอาการ
        การรักษาอาการโดยทั่วไป
        1.การดื่มน้ำมากๆ ช่วยทำให้น้ำมูกหรือเสมหะใสขึ้นและทำให้ขับน้ำมูกหรือเสมหะได้ง่ายขึ้น น้ำอุ่นจะทำให้เสมหะที่เกาะอยู่บริเวณคอหอยละลายได้ง่ายกว่าน้ำเย็น แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้มีหลักฐานทางการแพทย์ชี้ชัดว่าลงไปว่าอะไรดีกว่า กันระหว่างการดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น 
        2.พักผ่อนให้เพียงพอและทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่ไม่ควรร้อนเกินไป
        3.หลีกเลี่ยงการจามหรือสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้น้ำมูกที่มีเชื้อโรคเข้าไปในไซนัสได้โดยง่ายและทำให้เกิดการ อักเสบติดเชื้อในไซนัสได้
        4.ทำอากาศให้ชื้นมากขึ้นด้วยเครื่องทำละอองความชื้น (Humidifier) เพราะจะทำให้อากาศไม่แห้งและทำให้เยื่อบุโพรงจมูกชุ่มชื้น น้ำมูกจะใสขึ้นและถูกขับออกมาได้ง่าย
        5.อยู่ในสถานที่ที่มีการถ่ายเทอากาศที่ดี
        6.หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่หรือควันไฟมากเพราะจะทำให้เยื่อบุ ระคายเคืองอีกทั้งทำให้การระบายน้ำมูกหรือเสมหะเป็นไปได้ลำบาก

การรักษาด้วยยา 
        1.ยาต้านฮิสตามิน (antihistamine) เพื่อลดการคัดจมูกและ ลดน้ำมูก
        2.ยาแก้อักเสบ (ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะนะครับ) ในกลุ่ม Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAID) ช่วยลดอาการทางร่างกายทั่วไปเช่นปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ หรือไข้ รวมทั้งอาจจะช่วยลดอาการไอได้ด้วย
        3.ยาลดบวมในโพรงจมูก และยาแก้ไอ
        4.ยาปฏิชีวนะ จะเริ่มให้เมื่อเริ่มมีการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่นน้ำมูกหรือเสมหะเป็นสีเขียว 

  

 

กฏการใช้เวบบอร์ด

1. ห้ามตั้งกระทู้ที่พาดพิงถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ห้ามตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเมือง
3. ห้ามตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องลามก-อนาจาร

   Main webboard   »   สุขภาพ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   การลดน้ำหนักอย่างถูกหลัก  (Read: 1738 times - Reply: 0 comments)   
kanjanarat

Posts: 8 topics
Joined: 15/12/2553

การลดน้ำหนักอย่างถูกหลัก
« Thread Started on 6/1/2554 18:52:00 IP : 124.122.218.62 »
 

 การลดน้ำหนักอย่างถูกหลัก

 

การลดน้ำหนักที่ถูกหลักนั้น ควรลดน้ำหนัก 5-0% ของน้ำหนักเริ่มต้น จะส่งผลในการลดไขมันในช่องท้อง 30% อัตราการลดน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ เป็นอัตราที่เหมาะสมที่สุด แต่การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว โดยไม่ควบคุมน้ำหนัก ไม่สมารถลดน้ำหนักได้

บัญญัติ 10 ประการเพื่อลดพุง

1. ต้องมีจิตใจเข้มแข็ง ตั้งใจแน่วแน่ และมีกำลังใจที่จะลด เพื่อความสวยงาม และหลีกเลี่ยงโรคภัย ที่จะแทรกซ้อนเข้ามา
2. ตั้งใจจริง อดทน ไม่ตามใจปาก รับประทานอะไร ต้องนึกถึงพลังงานที่ใส่เข้าในร่างกาย ว่าร่างกายต้องการ หรือเกิดจากความอยาก
3. ปรับเปลี่ยนการกินอาหารบางชนิดโดย
    - กินอาหารที่ปรุงประกอบด้วยการทอด และผัดน้ำมันมากๆ ในปริมาณน้อย แต่พยายามกิน อาหารที่ปรุงประกอบด้วยวิธีนึ่ง ย่าง ปิ้ง อบ ตุ๋น ต้ม แทน
    - กินผัก ปลา ธัญพืช เพิ่มขึ้นเป็นประจำทุกวัน
    - งดการกินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารที่ประกอบด้วย กะทิ เนื้อติดมัน ขนมที่มีปริมาณนม เนยสูง
    - ลดหรืองดอาหารที่มีน้ำตาล เช่น ขนมหวาน น้ำหวาน
    - ใช้น้ำมันพืชที่ทำจากรำข้าว ถั่วลิสง แทนน้ำมันหมู
4. ปรับเปลี่ยนนิสัยการบริโภคอาหารโดย
    - รู้จักปฏิเสธบ้าง เมื่อมีใครมาชวนให้กินอาหารที่มีพลังงานสูง
    - เคี้ยวอาหารช้าๆ นานๆ ทำให้กินอาหารได้น้อยลง
    - กินอาหารให้ถูกเวลาทั้ง 3 มื้อ และไม่นอนดูทีวีหลังกินอาหาร
5. อย่ากินอาหารขณะดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ อ่านหนังสือ จะทำให้กินอาหารได้มากเกินโดยไม่รู้ตัว
6. อย่าวางอาหารที่ชอบเป็นพิเศษไว้ใกล้ๆ หรือหยิบสะดวก
7. ไม่ควรซื้ออาหารมาเก็บมากเกินความจำเป็น
8. เคลื่อนไหว ออกแรง ออกกำลังกาย โดยเลือกทำสิ่งที่ชอบ เช่น เดินขึ้นบันได ทำงานบ้าน ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอทุกวัน
9. บันทึกขนาดรอบเอว รวมทั้งบันทึกการบริโภคในแต่ละวัน เพื่อติดตามผล และถ้าพุงไม่ลดให้สำรวจดู รายการอาหารที่กินแล้วทำให้พุงเพิ่ม ว่ามีอะไรบ้าง
10. สัญญากับตัวเองว่าจะปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้ โดยหลีกเลี่ยงข้อแก้ตัวต่างๆ ที่จะเป็นอุปสรรคในการลดน้ำหนัก

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share

กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   สุขภาพ
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 55,261 Today: 12 PageView/Month: 186

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...